จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่ท่านเขียนมาให้แก่คนในเวปได้อ่าน ไม่ได้มีเจตนาที่จะเกี่ยวข้องกับทางสถาบันแต่อย่างใด และเราก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อคนที่ชื่นชอบท่านเท่านั้น
Dear Friends,
This year marks the fifteenth year that we have been living abroad. Over the years, we
have received many kind words of encouragement and well wishes over the Internet and
elsewhere from the people of Thailand; both from within Thailand and around the world.
We would like to express our heartfelt gratitude for your kind regards, and we are
thankful that so many of you have not forgotten us. We have realized that some people
were curious or had questions regarding our whereabouts over the years. To eliminate
confusion and false rumors, we have decided to take this opportunity to disclose our
situation.
When we were younger, we did not understand the drastic change in our lives, nor could
we comprehend why we must live our lives outside of our beloved country. Our mother
would remind us that we have to follow the orders of the Royal Family, and to show our
gratitude and respect. Our situation, at times, was not at all easy. However, we did not
stand idle. Instead we learned to push ourselves to our highest potential, and to behave in
a manner that would not bring shame upon the Royal Family.
Juthavachara received a bachelor’s degree in avionics and maintenance and a master’s
degree in aeronautical science. After working in the aviation industr y, he is now
attending law school in pursuit of a Juris Doctor degree. Vacharaesorn, after receiving his
bachelor’s degree in political science, a Juris Doctor, and a Master of Law (LLM), is now
a practicing attorney. Chakriwat, received his bachelor’s degree in psychobiology with
chemistry minor, he is currently attending medical school, and will soon begin his
clinical rotations. Vatchrawee double-majored in International Business and Finance, and
has a Master of Business Administration. He is now attending law school in pursuit of a
Juris Doctor degree.
We are also aware of the many rumors being circulated regarding Chakriwat’s health.
The truth is Chakriwat has been battling Neurofibromatosis (type II) since he was thirteen
years old. The disease causes tumors to appear along his nervous system, and surgery or
radiation treatment is required ever y year or so to remove or otherwise treat these tumors.
Due to numerous radiation treatments he has received, there has been some damage to his
acoustic nerve, and he became deaf in one ear. He will receive another surger y in August
of this year. Despite having to undergo these exhausting procedures on a regular basis,
Chakriwat is determined to complete his medical training.
Many people continue to speculate regarding our situation or to spread false and
malicious rumors about us. Rather than addressing these issues in the open, and risk
offending the institution, we have chosen to remain silent. We merely wanted to use this
correspondence as an opportunity to thank the many Thais who still care about us and
remember us, and to state clearly that, every day, we wish to return to Thailand. For
fifteen years, we have never set foot in our countr y, and we miss it far too much. Until we
are permitted to return, however, we will remain loyal to the Royal Family, and pray for
the future of our country.
We remain faithfully yours,
/s/ Juthavachara /s/ Vacharaesorn
Juthavachara Vacharaesorn
/s/ Chakriwat /s/ Vatchrawee
Chakriwat Vatchrawee
เพื่อนที่รัก
ปีนี้เป็นปีที่ 15 ที่พวกเราต้องอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ตลอดมาพวกเราได้รับความเห็นใจ
และกำลังใจผ่านอินเตอร์เน็ต จากประชาชนทั้งในประเทศ และรอบโลก
พวกเราขอขอบคุณในไมตรีจิตของทุกคนที่ไม่ได้ลืมพวกเรา
พวกเราทราบดีว่าทุกคนอยากรู้ว่าพวกเราอยู่กันอย่างไรและอยู่ที่ไหน เพื่อตอบข้อสงสัย
และข่างลือ พวกเราขอถือโอกาสนี้ชี้แจงข้อเท็จจริง
ตอนเป็นเด็ก พวกเราไม่เข้าใจในการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในชีวิตของพวกเรา
และพวกเราไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราจึงต้องมาใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศของเราที่เรารัก
คุณแม่จะตักเตือนพวกเราเสมอว่าพวกเราต้องทำตามคำสั่งของราชสำนัก
และแสดงความกตัญญู ความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ ความเป็นอยู่ของพวกเรา
เวลานั้นไม่ง่าย แต่ถึงกระนั้นเราไม่ได้นิ่งเฉย ตรงกันข้ามพวกเราได้ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุด
ที่จะประพฤติตนให้เป็นพลเมืองดี ไม่นำความเสื่อมเสียมาสู่ราชสำนัก
จุฑาวัชร สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี สาขา avionics and maintenance และ
มหาบัณฑิตวิทยาการการบิน หลังจากได้เข้าทำงานในอุตสาหกรรมการบิน
ขณะนี้กำลังศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิตในสาขากฎหมาย
วัชเรศร สำเร็จปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิตในสาขากฎหมาย และ
มหาบัณฑิต สาขากฎหมาย LLM ปัจจุบันเป็นทนายความ
จักรีวัชร สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี สาขา psychobiology และ เคมี
ปัจจุบันกำลังศึกษาแพทย์ และจะเริ่มฝึกงานในโรงพยาบาลเร็วๆนี้
วัชรวีร์ สำเร็จปริญญาตรี สาขา ธุรกิจสากล และ การเงินการธนาคาร ระดับมหาบัณฑิต
สาขาการบริหารธุรกิจ ปัจจุบันกำลังศึกษา ระดับดุษฎีบัณฑิต สาขากฎหมาย
พวกเราเป็นห่วงในข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ ของ จักรีวัชร ความจริงแล้ว จักรีวัชร
ป่วยด้วยโรค Neurofibiomatosis (Type ll) ตั้งแต่อายุ 13 ขวบ
โรคนี้จะมีเนื้องอกในระบบประสาท
และต้องรับการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการฉายรังษีเกือบทุกปี
ด้วยเหตุที่ต้องได้รับการฉายรังษีบ่อยครั้งทำให้ปราสาทหู ได้รับการกระทบกระเทือน
ทำให้หูข้างหนึ่งไม่ได้ยิน และ ในเดือนสิงหาคมนี้ เขาจะต้องเข้ารับการรักษาอีก
อย่างไรก็ตาม จักรีวัชรก็ยังตั้งใจที่จะสำเร็จการศึกษาเป็นนายแพทย์
ตลอดระยะเวลาหลายปี พวกเราได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ ทำให้หลา่ยคนคิดว่า
พวกเราอยากอยู่ต่างประเทศ แต่ ตรงกันข้ามพวกเราอยากกลับประเทศไทย
ถึงแม้ยังมีข่าวไม่ดีไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพวกเรา แต่พวกเราไม่เคยตอบโต้
พวกเราเลือกที่จะอยู่อย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของสถาบัน
พวกเราขอขอบคุณ ทุกท่านที่ยังห่วง และ คิดถึงพวกเรา
15 ปีมาแล้ว เราไม่เคยกลับประเทศของเราเลย
ขอยืนยันว่าพวกเราอยากจะกลับเมืองไทยเสมอและจะรอคอยจนกว่า
จะได้รับอนุญาติให้กลับ ถึงอย่างไรก็ตามเราก็จะจงรักษ์ภักดีต่อสถาบันตลอดไป
ด้วยความนับถือ
จุฑาวัชร วัชเรศร
จักรีวัชร วัชรวีร์